วิบากกรรมตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ มุ่งทำสงฆ์แตกแยก

วิบากกรรมตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ 
มุ่งทำสงฆ์แตกแยก...

.....ผู้ใดมีพฤติกรรมเข้าข่าย...อนันตริยกรรมนั้นจะต้องไปชดใช้กรรมที่ตนก่อในนรกขั้นที่ต่ำที่สุดที่เรียกว่า อเวจีมหานรก จะไม่มีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์และไม่มีโอกาสได้เข้าสู่พระนิพพาน...ย่อมได้รับกรรมหนัก...แผ่นดินเปิดแยก นรกเปิดรอ...รอวันสิ้นลมวันนั้นเห็นกัน...เพราะกฎแห่งกรรมมีจริง...



.....มาดูเวอร์ชั่น...แจ่มๆ ชัดๆ เขียนโดยเจ้าคุณเบอร์ลินกันเล้ย (ค้ดมาบางส่วนที่เด็ดๆ 13.02.2016)...อ่านแลัวตาสว่าง สัมมาทิฏฐิฝังจิตเลยทีเดียวค่ะ
กฏแห่งกรรม กฎที่น่าสะพึงกลัว
ทำครั้งเดียว ให้ผลถึง 500 ครั้ง

.....คือวันนี้ มีหลายสายแจ้งมาว่า อยากจะให้เจ้าคุณเบอร์ลิน ชี้แจงแถลงไข หน่อยว่า "ผลกรรมความชั่ว" ที่พวกแก๊งค์ป่วนศาสนามันจะได้รับเนี๊ยะ มันมีอะไรบ้าง ให้เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ สไตร์เจ้าคุณเบอร์ลินนะ...ได้เลยครับ จัดให้
>>> แหม...แต่ไอ้การให้ผลของกรรม คือ กรรมวิบากนี่ ทางพระท่านเรียกว่า "อจินตรัย" 1 ใน 4 ข้อ คือเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิดเสียด้วย เพราะมันสลับซับซ้อน ท่านว่าใครคิดจะบ้า แต่ก็ไม่เกินวิสัยที่จะทำความเข้าใจได้ครับ วันนี้จะว่าโดยย่อ เอาสั้น ๆ ง่าย ๆ ก่อนนะครับ
ถ้าให้ว่าโดยพิศดารก็ต้องติดกัณฑ์เทศน์กันแล้วละครับ ฮา.

สาระ...ตั้งใจอ่านดี ๆ นะครับ

กรรม

>>> กรรม คือ การกระทำ ยังเป็นคำกลาง ๆ ถ้าทำดี เรียกว่า กรรมดี ถ้าทำชั่ว เรียกว่า กรรมชั่ว
>>> การกระทำที่ปรากฏออกมาได้นั้นจะต้องอาศัยเจตนาที่เกิดขึ้นภายในจิตเป็นเหตุ ที่เรียกง่าย ๆ ว่า
"กรรมต้องประกอบด้วยเจตนา จึงจะมีผล" นั่นคือ กรรมเป็นเพียงเหตุเท่านั้น แต่เหตุเหล่านี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีผลเรื่องของกรรม จึงเป็นเรื่องของเหตุ และผล ดังที่ว่า "ทำอย่างไร ได้รับผลอย่างนั้น"
ทำได้ 3 ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม.

กรณีผลกรรมของพุทธอิสระนั้น

>>> ผมว่าคงจะด้วยคู่ถกของผม วันนี้แกเกิดอาการร้อนตัว ร้อนใจจากกรรมแกที่ก่อมาแบบสะสมนะครับ.
คืออาจเกรงจะถูกจับหลอกคราบประจานชาวบ้าน จนไม่เหลืออะไร หรือเกิดศรัทธาผมอะไรก็ไม่ทราบ.
>>> ก็เลยรีบกระหืดกระหอบไปค้าคดีความ กับผม แจ้งความ ที่ สน. นครปฐม คู่กับ มส. ไปชะเลย.
>>>ไอ้คดีอย่างนี้ใครๆ เขาก็รู้ว่าฟ้องแก้เกี้ยว ป้องกันความอับอายตนเท่านั้น ซึ่งแกก็ทำมาตลอดไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ถ้าแกชอบก็ปล่อยแกไป
>>> ตรงนี้ มีสายด่วนหวังดี ส่งเอกสารวีระกรรมของพุทธอิสระว่า
แกมีใบประกาศจาก ศาล จาก ตร. อะไรบ้าง มาให้ผม...ผมเห็นว่า ไร้สาระ ก็เลยไม่โต้ดีกว่า เมื่อเรื่อง ถึงตำรวจถึงทนายแล้ว ก็ปล่อยให้มันเดินไปตามลำดับมันเถอะครับ.
>>>ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเพราะแกเที่ยวประกาศป่าวๆ ว่า ตัวเองเป็นพระแท้ พระบริสุทธิ์ พระอื่นชั่วหมด
>>> พอผมจะชวนมาถกอาบัติ ทำไมเกิดกลัวไปก็ไม่รู้ หรือเกรงจะถูกเจ้าคุณเบอร์ลินลอกคราบจนเห็นใส้เห็นพุงหรือไงครับ จึงรีบสกัดผมด้วยคดี สกัดผมยากนะครับขอเตือน เพราะ "งานนี้ผมเอาจริง"...     >>>ก็เนื่องเหตุเพราะพุทธอิสระ แกเกิดร้อนตัว ที่จริง จะเรียกกินปูนร้อนท้อง ก็ยังได้ครับ
>>>วันนี้พุทธอิสระและพวกขัดเคืองใจใหญ่ เพราะไม่ถูกใจในมติ มส. ซึ่งทำการแทนสงฆ์ ตามธรรม ตามวินัย แกจึงไปแจ้งความ เอาผิด มส. และผมพ่วงท้าย ว่ากันไปครับ.
>>>ตรงนี้ ก็อยากเตือนดัง ๆ ไปยังรัฐบาล หรือหน่วยงงานต่าง ๆ ที่เคยหลงผิดไปครั้งก่อน ว่าจากนี้ไป อย่าได้เผลอถูก ท่านพุทธอิสระแกไปแหกตาให้หลงเชื่อเข้าอีกนะครับ
>>>ครั้งที่แล้วครั้งเดียวน่าจะพอทำให้ฉลาดขึ้นนะครับ.
>>>ก็ขอบอกไปยังพุทธอิสระ และผู้เกี่ยวข้องในขบวนการป่วน ว่า
" ขอให้รู้ว่า ไอ้พฤติกรรมที่พุทธอิสระได้ทำจนเป็นอาจิณนั้น       ตามพระวินัยพระท่านบัญญัติลงโทษแรงไว้ เป็นอาบัติใหญ่หลวงเชียวครับ เพราะเกิดขึ้นจากฐานเป็น "สจิตตกะ" มีเจตนาล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติ เหตุเพียรพยายามตะเกีกตะกายทำลายสงฆ์".
.....พฤติกรรมเช่นนี้ เป็นกรรมหนักมาก คือ อนันตริยกรรม
ซึ่งผมเคยเตือนเคยบอกแล้วว่า อย่าทำๆ ก็ยังขืนทำลงไปเข้าจนได้.
>>>ทำไปทำมา ก็เลยพาลจะนำตัวให้เป็นอาบัติหนัก ถึงขั้นเป็นสังฆาทิเสส เข้าจนได้.
>>> ผมถามหน่อย ก็ทำไมละครับ เป็นพระเป็นเจ้าอยู่ดีๆ ในวัดไม่ชอบ.
>>>ชอบจะไปเป็นผีถนน เดินสายฟ้องร้องดะไปทั่วเที่ยวจะเป็นพระอธิกรณ์ เป็นพระบ้าการเมือง ขยันหาเรื่องเดือดร้อนให้หมู่คณะตลอด.
ไม่เบื่อตัวเองบ้างหรือไงครับ.
>>>พฤติกรรรมเช่นนี้แหละครับที่ ชื่อว่า ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์.
>>>ก็ในเมื่อสงฆ์เขามีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันดีอยู่แล้ว มส. ท่านมีมติของท่านออกมา ตามธรรม ตามวินัย ทุกประการ แต่พุทธอิสระยังหมั่นเพียร และตะเกียกตะกายเพียรพยายามทำลายสงฆ์ให้แตกความสามัคคีอีกไม่ยอมยุติสักที นี้แหละครบองค์ชั่วชัดเลยครับ.



กรรมของผู้เข้าพวก คือ ผู้สนับสนุน

>>>ส่วนกรรมนั้น เป็น"อนันตริยกรรม"
ในส่วนของผู้เข้าพวก ในการตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ 
ก็ย่อมหนีไม่พ้น "อนันตริยกรรม" เช่นเดียวกัน.
>>>ขึ้นชื่อว่า อนันตริยกรรม เป็นกรรมหนักนัก แม้แผ่นดินก็ไม่อาจทรงเขาไว้ได้.
>>>ผมขอให้ชาวพุทธผู้มีกัลยาณธรรม จงเงี่ยโสตลง และสดับ
ในสิ่งที่ผม "เจ้าคุณเบอร์ลิน" จะสาธยายต่อไปนี่ดี ๆ นะครับว่า
>>>ไอ้สิ่งที่พุทธอิสระ ได้ทำต่อเนื่องจนมาถึง ณ วันนี้นั้น มันก็คงหลงเหลือความเป็นพระ ก็เพียงแต่จีวรที่ห่อกายเท่านั้นแหละครับ

เปรียบเหมือนน้ำเหลือติดก้นจากขันที่คว่ำลง เหตุผลก็เพราะว่า ความเป็นพระภิกษุของพุทธอิสระนั้นเกิดจากสงฆ์ แต่ตนกลับหลงผิด กลับเป็นผู้ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์เสียเอง จึงได้ชื่อว่า "ผู้ทำลายสงฆ์".

>>>มีพฤติกรรมคล้ายพระเทวทัต ผู้ต้นบัญญัติแห่งสิกขาบทนี้ เป็นผู้เกิดจากสงฆ์ แต่เป็นผู้ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ พระเทวทัต จึงได้ชื่อว่า "ผู้ทำลายสงฆ์" ฉันใดก็ฉันนั้น.

>>>แม้ผู้ที่เข้าพวก ซึ่งผมคงไม่ต้องแจงชื่อหน่วยงาน และรายชื่อบุคคลให้เสียวกันหรอกนะครับ...เดียวจะสะดุ้งไปจนวันสิ้นลม
ซึ่งจะเป็นพระก็ตาม เป็นคฤหัสถ์ก็ตาม จะนับถือพุทธศาสนาหรือไม่ก็ตาม "ก็อย่าคิดว่า จะรอดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ไปได้"

>>>พวกท่านเหล่านั้นย่อมประสบวิบัติ ถึงความฉิบหายทันตาเห็น
เพราะเข้าข่าย "ผู้เข้าพวก"
ข้อที่ว่า "บุคคลที่ประทุษร้ายต่อบุคคล ผู้ไม่ได้ประทุษร้ายตอบ"
ย่อมประสบความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ 10 ประการ อย่างแน่นอน นั่น คือ ...
(จงฟังให้ดี)
1.จะต้องประสบทุกขเวทนา เจ็บปวด ทุรนทุราย อย่างแสนสาหัส คือถูกโจรชนิดใดชนิดหนึ่ง เสียดแทงให้เกิดความเจ็บปวด.
2. จะต้องประสบความเสื่อมจากทรัพย์อย่างมหาศาล ที่ตนแสวงหามาได้โดยยาก.
3. จะต้องถูกผ่าตัด หรือจะประสบอุบัติเหตุ สรีระร่างกายจะต้องแตกชิ้นออกไป.
4. จะต้องเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง มีมะเร็ง หรือโรคที่รักษาไม่หาย เป็นต้น.
5. จะต้องได้รับความฟุ้งซ่านทางจิตใจ กลายเป็นวิกลจริต เสียสติ ในที่สุด จะกลายเป็นคนบ้า.
6. จะต้องประสบความขัดแย้งจากพระราชา (ม. 112) และถูกถอดยศ ถอดตำแหน่งในหน้าที่ราชการนั้น ๆ.
7. จะต้องถูกกล่าวตู่ ถูกประณามอย่างร้ายแรงจากบัณฑิต
หรือถูกใส่ความ ถูกใส่ร้ายป้ายสี และถูกกล่าวหาด้วยข้อหาอย่างหนัก.
8. จะต้องประสบกับเหตุการณ์บ้านแตกสาแหรกขาด ลูกเมียวุ่นวาย ญาติพี่น้องทะเลาะกัน.
9. จะต้องย่อยยับจากโภคะทั้งปวง จะพบความวิบัติจากทรัพย์สมบัติที่ตนเองมีอยู่.
10. จะต้องประสบไฟไหม้บ้านเรือน ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ
สิ้นเนื้อประดาตัว และเมื่อตายไปย่อมเข้าทุคติวินิบาต ไฟนรกเผาผลาญแสนสาหัส.

ทั้งหมดนี้คือ ผลกรรมที่ "ผู้เข้าพวก" จะต้องได้รับ
ตามหลักพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ 
ในข้อว่า..
"บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อสงฆ์ ผู้ไม่ประทุษร้ายตน
ย่อมจะถึงความพินาศฉิบหาย ด้วยเหตุ ๑๐ ประการดังกล่าวมานี้".



>>>กฏของกรรมเหล่านี้ ผู้กระทำกรรมทุกคน จะต้องประสบอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้นซึ่ง ท่าน กิตฺติวุฒฺโฑ ภิกฺขุ ท่านว่าไว้ จะมีผลกลับมาถึง 500 เท่าทีเดียว.
>>>ฉะนั้น บางคนที่กรรมยังไม่สนองผล
>>>ผู้กระทำกรรมชั่วย่อมประมาท ร่าเริงยินดี.
>>>แต่เมื่อกรรมชั่วเหล่านั้นสนองผล ผู้กระทำกรรมชั่ว จะรู้สึกเป็นทุกข์เดือดร้อนทันที.
>>>ผู้กระทำกรรมดีก็เช่นกัน บางครั้งกรรมดีให้ผลช้าไป ก็อาจเข้าใจผิด คิดว่าผลแห่งกรรมดีนั้นไม่มี แล้วก็จะเลิกละ ซึ่งน่าเสียดายโอกาสมาก.

สรูปว่า.
ด้วยกุศลเจตนาเป็นที่ตั้ง
>>>ผมจึงขอยกกฏแห่งกรรมทั้ง 10 ข้อนี้
>>>ฝากเตือนไปยังรัฐบาล ดีเอสไอ ปปช. หรือพวกเข้าพวกทั้งหลายว่าเมื่อพวกเราเป็นชาวพุทธ ก็ให้หันมาเชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อกฏแห่งกรรมเถอะครับ....อย่าไปหลงเชื่อพุทธอิสระอีกเลยครับ
>>>พวกท่านหลงผิดมานานแล้ว พอสักทีนะครับ
ส่วนท่านพุทธอิสระนั้น ผมคงไม่สามารถเตือนอะไรท่านได้แล้วแหละครับ ทางใครทางมันละกันครับ.

จบด้วยว่า ขึ้นชื่อว่า กรรมอันเกิดจากอนันตริยกรรม ข้อสังฆเภทนี้นั้น
มันหนักนัก ไม่ใช่จะล้อเล่นได้ คำพระพุทธเจ้า มีคติเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง
ใครที่หลงผิดก็ให้รีบถอนตัวออกมาเสีย

>>>ก่อนที่ผลกรรมข้างต้นมันจะเผด็จผลหนักแสนหนัก ทั้งโลกนี้ และโลกหน้าแก่พวกท่าน อันเพียงแค่เกิดจากเพียงหลงลมปากพระเพี้ยนเพียงรูปเดียว ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกว่าชื่ออะไร อยู่วัดไหน
"ห่างไกลทันที ก่อนที่จะสาย" มันไม่คุ้มกับการเกิดมาชาติหนึ่งเลยนะครับ.

>>>เป็นไงครับ วันนี้ จัดเต็มเลย ของดี ๆ หาฟังยากทั้งนั้น
เต็มอิ่มมัยครับ เนื้อหาครอบจักรวาลไปเลย
คนพูดก็ได้บุญ คนอ่านก็ได้บุญ คนแชร์ก็ได้บุญ
ส่วนคนแย้งพุทธธรรมล้วน ๆ นี้รับบาปไปแบ่งกันกิน 
ไปเล้ยยยยย สาธุ.
โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน

วิบากกรรมตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ มุ่งทำสงฆ์แตกแยก วิบากกรรมตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์  มุ่งทำสงฆ์แตกแยก Reviewed by Mali_Smile1978 on 01:06 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.