ถึงยุค “ธรรมกาย” อ่อนแอ ไร้พลังหนุน เร่งปฏิรูปวงการสงฆ์...จริงอย่างนั้นหรือ?

เนื้อหาบางประเด็นจากบทความของสื่อสำนักหนึ่ง เขียนไว้ว่า...
     "ถึงยุค “ธรรมกาย” อ่อนแอ ไร้พลังหนุน เร่งปฏิรูปวงการสงฆ์ ดึงพระดีคืนสังคม
     สำรวจพลังศรัทธาและความทรงอิทธิพลของวัดพระธรรมกาย ซึ่งวันนี้อ่อนแรงลงมาก ทั้งจากแรงต้านของสังคมที่เกิดจากพฤติกรรมของพระธัมมชโยเบี้ยวนัด การแก้กฎหมายขยายวัด กระทบเครือข่ายสมเด็จช่วง ที่สำคัญขาดพลังหนุนทางการเมืองที่เคยเกื้อหนุนให้ธรรมกาย ‘โตแล้วแตก’ ขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่สิ้นฤทธิ์ ด้านไพบูลย์ นิติตะวัน ชี้หากอัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโยคดีรับของโจรและฟอกเงินจะนำไปสู่การปฏิรูปพุทธศาสนา ส่งผลให้พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้เผยแผ่ตามหลักเถรวาทที่ถูกต้องต่อไป..."(http://www.manager.co.th/SpecialScoop/ViewNews.aspx?NewsID=9590000094366)



>>> แค่อ่านย่อหน้าแรกก็ทำเอาข้าพเจ้ามึน  รู้ถึงคอลัมนิสต์ท่านนี้ที่ใช้ปลายปากกาผนวกกับปลายประสาทส่วนที่ตื้นที่สุดและใจที่ครอบงำด้วยอคติมาเขียนใส่ความวัด ว่าร้ายพระเถระ เหมือนเขียนเรื่องราวบนจิตนาการและท่ามกลางอวกาศ หลงทิศ หลงทาง จับแพะชนแกะ เหมือนตาบอดคลำช้าง เหมือนคนเมาค้างสติยังไม่บริบูรณ์ เชื่อมโยงประเด็นโดยขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่เป็นจริง ใช่หรือไม่ถามใจคุณเอง?

>>> ที่ออกมาวันนี้ไม่ใช่จะมาถกเถียงเพื่อแพ้ชนะ แต่อยากขอเป็นหนึ่งเสียงที่มาดึงสติท่านคอลัมนิสต์กลับมาอยู่ในลู่ของสัมมาทิฎฐิ คือความเห็นถูก...ในฐานะเราเป็นเพื่อนร่วมโลก ต่างเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น  ปรารถนาดีค่ะ 

ผู้จัดกวน ป่วนว่า...เรื่องความศรัทธาและทรงอิทธิพลของวัดพระธรรมกาย 

>>> ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกายมีอิทธิพลยิ่งใหญ่จริงๆ น่ะ ท่านคงอยากจะให้คนทั้งประเทศและทั่วโลกมีศีล 5 เป็นปกติและนั่งสมาธิเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันทั่วโลกแล้ว จะได้ไม่มีการแบ่งแยก เกลียดชัง ไม่มีสงครามและความวุ่นวายต่างๆ เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยและทั่วโลกอย่างทุกวันนี้....นี่ท่านยังทำไม่ได้ จะเรียกว่ามีอิทธิพลได้อย่างไร?



>>> หลวงพ่อธัมมชโย ท่านบวชมาอยู่ในพระพุทธศาสนาหวังทำพระนิพพานให้แจ้งและทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้ชาวโลก เพื่อให้ชาวโลกเข้าถึงธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเข้าถึงความสันติสุขที่แท้จริง เป้าหมายท่านใหญ่ การทำงานพระศาสนาจึงเยอะและใหญ่เพื่อมุ่งสู่ปณิธานดังกล่าว...แล้วปุถุชนผู้ครองเรือนบางคนก็ใช้จิตใจอันคับแคบ และวิสัยทัศน์ที่แสนสั้น มาประเมินและตัดสินพระผู้มีหัวใจเยี่ยงพระโพธิสัตว์ได้อย่างนั้นหรือ?...จึงขอฝากความระลึกถึงคอลัมนิสต์ผู้จัดกวนโปรดใช้สติและวิจารณญาณในการนำเสนอมุมมองด้วยข้อมูลที่จริง ครบถ้วนและสร้างสรรค์ด้วยเน้อ

...Ԓԓԓ โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ Ԓԓԓ... 



>>> การนำเสนอเรื่องราวที่ไม่จริงบนทัศนคติอันคับแคบของตัวเองนำไปสู่สร้างความเสื่อมเสียแก่ผู้อื่น ก่อความเข้าใจผิดในสังคม ความแตกแยก ไม่สมานฉันท์ ...นี่มันถูกต้องหรือ? แล้วมาตรฐานและจรรยาบรรณของสื่อคืออะไร อยู่ตรงไหน? 

>>> วันนี้ท่านใช้ปลายปากกาทิ่มแทงคนอื่นอย่างไร้จรรยาบรรณและมีอคติ สักวันปลายปากกาด้ามนี้จะย้อนกลับมาถึงตัวท่านเช่นกัน  ต่างที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น


"อันตราย จะเป็นอันตราย แก่ผู้ทำอันตราย แก่ผู้ไม่เป็นอันตราย"

ผู้จัดกวน ป่วนว่า ...วัดแก้กฎหมายเพื่อขยายวัด...

>>> ประเด็นเรื่องอำนาจการแก้ไขกฎหมายอยู่ที่ฝ่ายรัฐสภา ความรู้นี้มีมานานแล้วนะ ตั้งแต่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้น รัฐสภาได้กลายเป็นสถาบันที่รวบรวมเอาเจตจำนงสูงสุดของประชาชนและเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ทำหน้าที่บัญญัติกฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (เออ แต่ยุคนี้มีคสช.ดูแล)

>>> วันนี้คอลัมนิสต์มาหยิบยื่นใส่ความหาเรื่องให้วัดพระธรรมกายว่ามีอำนาจในการแก้กฎหมาย....อยากจะตีลังกาขำสักสิบตลบ อดสูใจกับท่านคอลัมนิสต์ผู้จัดกวนที่บิดเบือน เชื่อมโยงข้อมูลแบบหมูออกลูกเป็นสุนัขไปได้ สรุปคือท่านมั่วได้เนียนเนอะ?

ผู้จัดกวน  “...เชื่อว่าหากมีการสั่งคดีฟ้อง จะชี้ชัดว่าพระธัมมชโยผิดกฎหมาย และผิดพระธรรมวินัย ซึ่งจะขยายผลนำไปสู่การตรวจสอบพระสงฆ์ ไม่ให้หวังลาภ ยศ สรรเสริญ...อีกทั้งจะเป็นการเริ่มต้นการปฏิรูปพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง โดยใช้คดีของพระธัมมชัยโยเป็นบรรทัดฐานนำร่อง ให้ฆราวาสเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ให้พระปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด”

>>> กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีผลงานกิจกรรมงานเผยแผ่มากมาย ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญเติบโตรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องกว่า 48 ปี สร้างวัดให้เกิดขึ้นอย่างมากมายทั้งในและต่างประเทศ สร้างพระให้เป็นสร้างพระแท้ สร้างคนดีให้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ฟื้นฟูวัดร้างให้กลายเป็นวัดรุ่ง ซึ่งส่งผลก่อให้เกิดความสงบ เรียบร้อย และความมั่นคงให้กับชาติบ้านเมืองมาโดยตลอดมา



>>> วันหนึ่งท่านโดนยัดเยียดข้อหา “รับของโจร” ทั้งที่ความจริงพระท่านรับบริจาคโดยสุจริต ในท่ามกลางสาธารณชนนับหมื่น...สาธุชนมาบริจาคมากมายขนาดนี้พระท่านจะทราบที่มาของทรัพย์ได้อย่างไร? 
หลังจากนั้นพระท่านนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถาน โดนยัดคดีว่า “ฟอกเงิน”

>>> ความเป็นจริงเมื่อพิจารณาตามกรอบกฎหมาย (คลิก https://goo.gl/Lq0YZI) พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เข้าข่ายรับของโจรและฟอกเงินแต่อย่างใด

>>> แต่กลับเล่น IO (Information Operations) หรือเรียกไทยๆ เราว่า การปฏิบัติการข่าวสาร โดยสร้างกระแสข่าวลบ ใส่ร้าย ยัดเยียดคดีระดับวาระแห่งชาติ ตอกย้ำผ่านสื่อมวลชนให้ผู้คนในสังคมเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนจากความจริง สร้างความเสื่อมเสียให้พระสงฆ์และต่อพระศาสนา บั่นทอนศรัทธาของชาวพุทธมาอย่างต่อเนื่อง (เจาะลึกคลิก https://goo.gl/t8gRd4)

>>> นี่หรือผลงานเริ่มต้นของการปฏิรูปพระพุทธศาสนา? โดยฆราวาสเพียงไม่กี่คน....นี่เขาไม่เรียกว่า ปฏิรูปแล้ว แต่มันคือ ปฏิบัติการพิเศษเพื่อทำลาย สร้างความวิบัติให้กับพระพุทธศาสนามากกว่านะ?

>>> นำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดหรือนำร่องเพื่อทำลายกันแน่? บรรทัดฐานใหม่ คือพระท่านรับของบริจาคจากญาติโยม แล้วโดนกล่าวหาว่า รับของโจร อย่างนั้นหรือ? พระท่านนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถาน บำเพ็ญกิจกรรมในพระพุทธศาสนา แล้วสุดท้ายทุกอย่างตกเป็นสมบัติของศาสนาและชาติ พระโดนกล่าวหาว่า ฟอกเงินอย่างนั้นหรือ? 



>>>  ข้อเสนอที่คอลัมนิสต์อุตส่าห์เขียนแสดงทัศนะด้วยเจตนาใดมิทราบได้...นี้เป็นมาตรฐานลงเหวจริงๆ...หวังทำลายพระทางอ้อม ให้พระในพระศาสนาอยู่ยาก เมื่อพระอยู่ยาก โดนเบียดเบียน แล้วใครหน้าไหนจะอยากบวชล่ะ  ศีลของพระ 227 ข้อ พระท่านก็ต้องฝึกฝนตนเยอะมากแล้ว ถ้าใครไม่มีบุญบารมี ความอดทน ตบะและมีเป้าหมายเพื่อมรรคผลหนักแน่นก็บวชได้ไม่นานหรอก...

>>>  เมื่อคนบวชน้อย พระก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆๆ นั่นหมายถึงอะไร? หายนะซิพี่น้อง เพราะพระภิกษุสงฆ์เป็นอายุของพระศาสนา ผู้ทำหน้าที่รักษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ยาวนานสืบไป....อย่าให้ประเทศไทยกลายเป็นอดีตเมืองพุทธในยุค คสช. ด้วยการใช้ฆราวาสไม่กี่คน หน้าเดิมๆ ที่ไร้คุณวุฒิ คุณธรรมเข้ามาปฏิรูปพระศาสนาเลยค่ะ

ผู้จัดกวน..."ชี้หากอัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโยคดีรับของโจรและฟอกเงินจะนำไปสู่การปฏิรูปพุทธศาสนา ส่งผลให้พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้เผยแผ่ตามหลักเถรวาทที่ถูกต้องต่อไป"

 (พูดกันตรงๆ จัดการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายลงได้ คือจับสึก นั่นเอง?) 
>>> สื่อผู้จัดกวนใช้วลีชี้นำไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวก เกิดการเหยียดกัน สายปฏิบัตินี้เคร่ง อีกสายย่อหย่อน สายฉันของแท้ดั้งเดิม เธอไม่ใช่...เหล่านี้นำไปสู่กระแสแทรกซึมของความรู้สึกแบ่งแยก แตกต่างและไม่สมานฉันท์ในหมู่พุทธบริษัท...ขอคำอธิบายจากท่านคอลัมนิสต์ด้วย แล้วการเผยแผ่ตามหลักเถรวาทที่ถูกต้อง คืออะไรหรือ? 



>>> ตลอด 48 พรรษาของการบวชมาอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ของพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านเป็นพระเถระรูปหนึ่งที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบตามหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ประการ ย่นย่อ คือศีล สมาธิ ปัญญา แม้ในภาวะวิกฤติเจอถูกใส่ความ ใส่ร้าย กระแสสื่อโจมตี สังคมไม่เข้าใจ หลวงพ่อยังคงดำรงตนอยู่ในหลักโอวาทฏิโมกข์ ท่านไม่เคยว่าร้าย เบียดเบียนผู้ใดทั้งทางกาย วาจาและใจ มีขันติธรรมและมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร

>>> รูปแบบของการเผยแผ่ธรรมะ ของหลวงพ่อธัมมชโยและหมู่คณะวัดพระธรรมกายที่มีกิจกรรมมากมายอย่างตลอดต่อเนื่อง ดูยิ่งใหญ่ เผยแผ่ไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขยายประสานความสัมพันธ์ระหว่างวัด องค์กร หน่วยงานต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาทั่วโลก...ที่หลวงพ่อทำงานพระศาสนา ทำใหญ่ ทำเยอะ ทำต่อเนื่อง ถ้าเปรียบเทียบฆราวาสที่ทำงานอยู่ทางโลกเขาอายุ 72 ปี คงเกษียณเลิกทำงาน พักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ กับลูกหลานสบายกว่ากันเยอะ...แต่เพราะหลวงพ่อธัมมชโยท่านมีปณิธานที่จะนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสู่ใจชาวโลก ปรารถนาให้คนทั่วโลกเข้าถึงความสันติสุขภายในซึ่งจะนำมาสู่การสร้างสันติภาพภายนอก

>>> วัดพระธรรมกายเผยแผ่แบบเชิงรุก โดยปรับเปลี่ยนพัฒนารูปแบบการเผยแผ่แต่ยังคงรักษาหลักแก่นแท้ของคำสอน เนื่องจากสภาพสังคมที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กระแสกิเลสในใจมนุษย์เฟื่องฟู เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ถ้ารูปแบบการเผยแผ่ไปปรับตัวตาม ไม่เดินเข้าไปหาชุมชน สังคม ยิ่งจะเกิดช่องว่างระหว่างศรัทธา ผู้คนไม่เห็นคุณค่าของพระ ของวัด และธรรมะ  อะไรเกิดขึ้น? พระพุทธศาสนาก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆๆ คิดต่อกันเองได้เลยค่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อจากนั้น?...

>>> ดังนั้น พระหรือคนที่คิดดี ทำใหญ่ ทำความดีเยอะๆ เพื่อคนอื่น เพื่อสังคมไทยและสังคมโลก เราควรยินดี อนุโมทนาสนับสนุนนะคะ...อย่างน้อยมือของท่านคอลัมนิสต์ผู้จัดกวนไม่พายแต่ช่วยยกเท้าขึ้นไว้บนเรือด้วย...จักขอบคุณมากค่ะ   

ผู้จัดกวน "...สังคมก็ได้รับรู้การนำเงินไปใช้ในการสร้างวัตถุต่างๆ มากมาย ซึ่งไม่ใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา ..."


ผลงานบางส่วนของการฟื้นฟูศีลธรรมโลกของพระเทพญาณมหามุนี

>>> หลวงพ่อธัมมชโยท่านนำปัจจัยของสาธุชนญาติโยมที่หามาด้วยความยากลำบากไปใช้ในกิจกรรมเหล่านี้ นี้ไม่ใช่แนวทางพระพุทธศาสนาหรือ? ท่านคอลัมนิสต์โปรดใช้สติและวิจารณญาณและข้อมูลที่ลึก ครบถ้วน ในการจับด้ามปากกาด้วย...อย่าเอาอารมณ์และอคตินำจนหลงวนอยู่ในป่าลับแลแห่งโมหะค่ะ

ผู้จัดกวน ป่วนว่า...อำนาจทางการเมืองหนุนธรรมกายยิ่งใหญ่...
...ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาผู้ที่จะเข้ามาจัดการแก้ปัญหาได้ จึงเป็นหน้าที่ของฆราวาส และต้องเป็นฆราวาสที่มีอำนาจรัฐ เล็งเห็นถึงปัญหาและเข้ามาแก้ไข ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศก ที่เข้ามาจัดการปัญหาอลัชชี จนมีการจับสึกไปถึง 60,000 กว่ารูปในสมัยนั้น ไม่เช่นนั้นพระพุทธศาสนาก็คงจะดับสูญไปแล้ว แต่พระเจ้าอโศกเข้ามาปราบปราม และเผยแผ่ขยายพระพุทธศาสนาออกไปทั่วโลก จึงแสดงให้เห็นว่าบทบาทของฆราวาสในการปกป้องศาสนา ยามที่มีวิกฤตนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

>>> ขอขอบคุณท่านคอลัมนิสต์ที่ฟุ้งซ่านช่วยสร้างภาพวัดพระธรรมกายให้ดูยิ่งใหญ่ มีอำนาจบิ๊กหนุนหลัง...ขอบอกจริงๆ ตรงๆ ว่าอำนาจยิ่งใหญ่ที่หนุนอยู่เบื้องหลังวัดพระธรรมกายมาอย่างตลอดต่อเนื่อง ทำให้วัด ทำให้พระอยู่ได้อย่างมั่งคง มีความสุขและเติบโตมาเป็นวัดใหญ่ มีสาธุชนนับแสนแห่เข้ามาสั่งสมความดี ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คืออำนาจแห่งพระรัตนตรัย  ได้แก่ อัปปะมาโณ พุทโธ -พระพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณสุดที่จะประมาณ อัปปะมาโณ ธัมโม -พระธรรม มีพระคุณอันหาประมาณมิได้  อัปปะมาโณ สังโฆ -พระสงฆ์ มีพระคุณที่สุดจะกำหนด แก้วรัตน 3 ประการนี้แลที่เป็นขุมพลังใหญ่และทรงอิทธพล มีพลานุภาพอย่างประมาณมิได้ของวัดพระธรรมกาย  เข้าใจตรงกันนะคะ?

ประเด็นเรื่องบทบาทของฆราวาสในการปกป้องศาสนา ยามที่มีวิกฤต ก่อนอื่นเราควรพิจารณาคุณสมบัติของฆราวาส



>>> ฆราวาสในยุคก่อน คือพระเจ้าอโศกมหาราช นับเป็นสมัยหนึ่งที่พระพุทธศาสนาเจริญสูงสุดในทุก ๆ ด้าน ขอยกเฉพาะผลงานที่สำคัญๆ ได้แก่ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงอุปถัมภ์การทำสังคายนาครั้งที่ 3  และทรงส่งสมณฑูตไปประกาศพระศาสนาในที่ต่าง ๆ แล้ว ยังได้ทรงสร้างปูชนียสถาน และวัตถุอนุสรณ์ในพระพุทธศาสนามากมาย เช่น ทรงสร้างวิหาร 84,000 แห่ง เจดีย์ 84,000 องค์ ในนครทั้งสิ้น 84,000 นคร ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงนำเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปใช้ในการปกครองประเทศ ทรงสร้างศิลาจารึกแสดงคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาไว้ในที่ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เป็นต้น(https://goo.gl/BulZhu)





เจาะลึกประวัตินายไพบูลย์ นิติตะวัน คลิก https://goo.gl/gyfVWx






เจาะลึกประวัตินายแพทย์มโน คลิก https://goo.gl/gXdYZo

>>> ฆราวาสยุคปัจจุบัน มีเพียงฆราวาสไม่กี่คน ที่ออกมาพูดว่ารักพระพุทธศาสนา อยากปฏิรูปศาสนาเหลือเกิน โปรดพิจารณาประวัติชีวิตและผลงานของท่านเหล่านี้ค่ะ พวกเราชาวพุทธทั้งหลายจะยอมเอาอนาคตของพระพุทธศาสนาไปฝากไว้ในมือของฆราวาสเหล่านี้ได้อย่างไร? 

       ก่อนจบวันนี้ มีข้อเสนอแนะส่วนตัว ขอให้ฆราวาสกลุ่มนี้ไปฟื้นฟู (restore) คุณสมบัติของตนก่อน ไม่ต้องลำบากขั้นว่าไปสร้างพระเจดีย์ให้ครบ 84,000 องค์ เหมือนพระเจ้าอโศกมหาราชก็ได้ค่ะ พิสูจน์รักแท้ต่อพระพุทธศาสนา ขออย่างน้อยๆ เข้ามาบวชเป็นพระแท้อยู่ในผ้าเหลืองให้ได้สัก 10 พรรษาและช่วยไปสร้างวัด ไม่ต้องเยอะอย่างน้อยๆ สัก 77 วัด ครบทุกจังหวัดในประเทศไทย...แล้วหลังจากนั้นท่านฆราวาสกลุ่มนี้น่าจะดูองอาจ มีสติปัญญา คุณวุฒิ คุณธรรม พอจะมาช่วยปฏิรูปพระศาสนาต่อไป...เออ เกือบลืมขอเรียนเชิญท่านคอลัมนิสต์ ผู้จัดกวนมาบวชด้วยนะอุตส่าห์เขียนบทความตีแผ่เรื่องนี้  ท่าทางจะรักพระพุทธศาสนาไม่แพ้กันค่ะ

                                โดย  มะลิ สไมล์

ข้อมูลอ้างอิง:
1. http://thailawwatch.org/legislation-in-thailand/

       

ถึงยุค “ธรรมกาย” อ่อนแอ ไร้พลังหนุน เร่งปฏิรูปวงการสงฆ์...จริงอย่างนั้นหรือ? ถึงยุค “ธรรมกาย” อ่อนแอ ไร้พลังหนุน เร่งปฏิรูปวงการสงฆ์...จริงอย่างนั้นหรือ? Reviewed by Mali_Smile1978 on 07:13 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.